วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ราศีมีน (Pisces)

ราศีมีน (Pisces)

     เมื่อครั้งที่เหล่าเทพจัดงานฉลองกันริมแม่น้ำไนล์แล้วสัตว์ประหลาดไทพ่อนโผล่ออกมานั้น อโฟรไดท์(Aphrodite) เทพีแห่งความงามและความรักได้แปลงกายตัวเองเป็นปลา และลูกชายของเธอ อีรอส (Eros) ก็แปลงเป็นปลาด้วยเช่นกันแล้วกระโดลงแม่น้ำไนล์ว่ายหนีไป โดยทั้งสองใช้เชือกหนึ่งเส้นผูกไว้ระหว่างกันเพื่อไม่ให้หลงทางแยกจากกัน ซึ่งรูปกลุ่มดาวราศีมีนก็คือรูปร่างของทั้งสองเมื่อครั้งกลายร่างเป็นปลานั้นเอง บางเรื่องเล่าว่าผู้ที่ทำให้กลายเป็นหมู่ดาวคือเทพีอาเธน่า 

แต่ที่ว่าแม่น้ำที่กระโดดลงไปไม่ใช่แม่น้ำไนล์แต่เป็นแม่น้ำเอริดานุส(Eridanus) ก็มี

ราศีกุมภ์ (Aquarius)

ราศีกุมภ์ (Aquarius)

      เมื่อครั้งที่สมัยเมืองทรอยยังคงอยู่ มีเจ้าชายนามว่ากานีเมเด (Ganymede) กานีเมเดเป็นเด็กหนุ่มรูปงามเสียจนว่า แม้แต่สาวงามก็ยังเทียบได้ยาก ซีอุสซึ่งแต่เดิมจะเป็นหญิงหรือชายก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้วนั้น เมื่อได้เห็นก็เกิดถูกใจในความงามของกานีเมเดเข้า จึงแปลงกลายเป็นนกอินทรี (บ้างก็ว่าส่งอินทรีมา) มาลักพาตัวกานีเมเดที่กำลังต้อนฝูงแกะอยู่นั้นเองไปที่โอลิมปัส และให้ทำหน้าที่เป็นผู้รินเหล้าแก่เหล่าเทพ (ประมาณว่าโดนจับให้มาเป็นเด็กเชียร์เบียร์ แต่ว่ากันว่าไม่ใช่แค่รินเหล้า แต่ให้เป็นเด็กรับใช้ส่วนตัวของซีอุสด้วยซ้ำ) ซึ่งแต่เดิมเป็นหน้าที่ของเฮเบ (Hebe) เทพีแห่งความเยาว์วัยซึ่งเป็นธิดาของเทพีเฮร่าและซีอุส แต่ได้เกษียณตัวเองไปแต่งงานกับเฮอร์คิวลิสที่ถูกยกให้เป็นเทพบนสวรรค์ (ถือว่าเป็นการสงบศึกกันระหว่างเฮร่าและเฮอร์คิวลิส) 

      แต่เมื่อเฮร่าเห็นซีอุสให้ความรักแก่กานีเมเดก็เกิดความหึงหวง ฝ่ายซีอุสก็กลัวเมียเป็นทุนเดิม จึงให้กานีเมเดไปเป็นกลุ่มดาวราศีกุมภ์เพื่อจะได้ไม่ต้องโดนเฮร่ารังควาน และใกล้ ๆ กันจะมีกลุ่มดาวอินทรีซึ่งก็คือร่างของซีอุสที่กลายร่างเป็นอินทรีมาลักตัวกานีเมเดไปนั่นเอง แต่บางเรื่องเล่าก็ว่าเมื่อกานีเมเดถูกลักพาตัวไปแล้ว ฝ่ายบิดาและมารดาซึ่งเป็นเจ้าเมืองทรอยในตอนนั้นก็เศร้าเสียใจมาก ซีอุสจึงให้ผู้รับใช้นำของขวัญมาปลอบใจซึ่งได้แก่ม้าวิเศษที่วิ่งบนน้ำได้ (บ้างก็ว่าเป็นเถาองุ่นทองคำ) และเล่าว่ากานีเมเดได้รับพรให้ไม่แก่ไม่ตายและยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้รินเหล้าแก่เหล่าเทพอีกด้วย และซีอุสก็ได้ทำให้กานีเมเดกลายเป็นกลุ่มดาวราศีกุมภ์ เพื่อให้พ่อแม่ของเขาสามารถมองเห็นเขาอยู่บนท้องฟ้าได้ (คืน ๆ ให้พ่อแม่เขาไปซะก็สิ้นเรื่อง)

ราศีมังกร (Capricornus)

ราศีมังกร (Capricornus)

       ตำนานของราศีมกรที่พูดถึงกันมากที่สุดคือ เมื่อครั้งที่เหล่าเทพจัดงานฉลองกันริมแม่น้ำไนล์แล้วไทพ่อนโผล่ออกมานั้น เทพแพนซึ่งเป็นเทพแห่งท้องทุ่งมีเขาเหมือนแพะ หูที่แหลม และมีขนขึ้นอีกด้วย เทพแพนตกใจมากจึงกลายร่างเป็นสัตว์คิดจะหนีไป แต่ด้วยความรีบร้อนจึงกายเพียงครั้งล่างเป็นปลากระโดดลงน้ำหนีไป และเทพซีอุสที่เห็นว่าน่าสนุกดีจึงทำให้เกิดเป็นกลุ่มดาวขึ้นมา

      ส่วนอีกตำนานหนึ่งว่าเป็นแม่แพะชื่อว่าอามัลเทียที่คอยให้นมแก่ซีอุสเมื่อครั้งยังเป็นเด็กทารกอยู่ ซีอุสจึงให้เกียรติเธอ สามอย่างคือ หลังจากที่เธอตายให้เอาหนังไปแปะไว้โล่ห์ของตน ซึ่งต่อมากลายเป็นของอาเธน่า (โล่ห์ชื่อว่าไอกิส) และให้เขาของเธอเต็มไปด้วยผลไม้ทองคำจากสวนเฮสเพริเดส เมื่อเด็ดกินหมดมันก็จะงอกขึ้นมาใหม่เอง เรียกว่าเป็นเขาแห่งความอุดมสมบูรณ์ และสุดท้ายให้กลายเป็นกลุ่มดาว

ราศีธนู (Sagittarius)

ราศีธนู (Sagittarius)

      กลุ่มดาวราศีธนูนี้หมายถึงเซนทอส(Centaur) ที่เป็นครึ่งคนครึ่งม้านามว่าเครอน (Cheiron)

เครอนเป็นเซนทอสที่ได้รับการสอนเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแพทย์ การดนตรี การพยากรณ์ และการล่าสัตว์จากเทพพอลโลและเทพีอัลเตมิส ด้วยชื่อเสียงของเขา จึงทำให้เหล่าพระราชาและผู้กล้ามากมายต่างนำลูกของตนให้มาเป็นศิษย์ของเครอน ซึ่งลูกศิษย์ของเครอนก็มีตั้งแต่เฮอร์คิวลิส คาสเตอร์ ไปถึงเจสัน (+etc.)

ว่ากันว่าเครอนเป็นลูกของพิไลร่า (Philyra) ซึ่งเกิดระหว่างโครนอส (Chronos) และนิมส์ โดยโครนอสแปลงร่างเป็นม้าเพื่อหลบสายตาของเทพีเรอาผู้เป็นภรรยาไปหานางนิมส์ จึงเกิดเป็นครึ่งคนครึ่งม้าออกมา

การตายของเครอนนั้นว่ากันว่า เมื่อครั้งที่เฮอร์คิวลิสมีเรื่องกับพวกเซนทอส เกิดผิดพลาดยิงศรที่อาบยาพิษของไฮดร้าไปถูกเครอนเข้า พิษของไฮดร้านั้นร้ายแรงมาก แม้แต่เครอนที่ได้เรียนวิชาแพทย์จากเทพก็ไม่สามารถรักษาได้ แต่ด้วยว่าเครอนเป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย แต่ก็ไม่สามารถรักษาพิษได้จึงต้องทรมาณกับพิษของไฮดร้า เครอนทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงตัดสินใจยกความเป็นอมตะของตนให้แก่พรอเมเทอุส แล้วสิ้นใจลงกลายเป็นกลุ่มดาวราศีธนูไป 

ยังว่ากันว่าปลายธนูของกลุ่มดาวราศีธนูนั้นเล็งไปที่หัวใจของกลุ่มดาวราศีแมงป่องอีกด้วย

ราศีพิจิก (Scorpio)

ราศีพิจิก (Scorpio)

       นายพรานชื่อว่าโอริออน (Orion) ออกตัวว่าตนเป็นผู้ที่เก่งกาจกว่าใคร จนทำให้เหล่าเทพเกิดไม่พอใจ (ราว ๆ ว่าหมั่นไส้ ) โดยเฉพาะเทพีไกอา (Gaia) รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงเรียกแมงป่องตัวหนึ่งมา ให้ไปจัดการกับโอริออนเสีย แมงป่องจึงใช้พิษที่หางของมันแทงโอริออนถึงแก่ความตาย จึงถูกยกให้กลายเป็นหมู่ดาวเพื่อเป็นเกียรติแก่มัน 

ส่วนโอริออนนั้นก็กลายเป็นหมู่ดาวโอริออนด้วยการร้องขอเทพีอัลเตมิส (อีกตำนานของกลุ่มดาวโอริออนเล่าว่า โอริออนตายเพราะลูกศรของเทพีอัลเตมิสที่หลงรักตนเพราะถูกอพอลโลหลอก) ว่ากันว่าแม้จะกลายเป็นดาวแล้วโอริออนก็ยังคงกลัวแมงป่องอยู่ 

โดยกลุ่มดาวโอริออนจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มดาวแมงป่อง และจะไม่ปรากฏให้เห็นจนกว่ากลุ่มดาวราศีพิจิกจะลับขอบฟ้าไป

ราศีตุลย์ (Libra)

ราศีตุลย์ (Libra)

…ชื่อของกลุ่มดาวจักรราศีที่แตกต่างจากชื่อของกลุ่มดาวจักรราศีอื่น ๆ คือ กลุ่มดาวคันชั่ง เพราะเครื่องชั่งเป็นของใช้ ไม่มีชีวิต ในขณะที่ชื่อของกลุ่มดาวจักรราศีกลุ่มอื่น ๆ เป็นสิ่งมีชีวิต กลุ่มดาวคันชั่งเป็นกลุ่มดาวที่ไม่เด่น และไม่พบวัตถุฝ้า ๆ ในกลุ่มดาวนี้


คันชั่งเป็นเครื่องมือที่เทพธิดาแห่งความยุติธรรม เทพีแอสเตรีย (ในราศีกันย์) ใช้เพื่อวัดความเที่ยงธรรมในโลกมนุษย์

ราศีกันย์ (Virgo)

ราศีกันย์ (Virgo)

         สำหรับราศีกันย์นั้นมีอยู่หลายเรื่องเล่าว่าจนไม่แน่ใจว่าหญิงสาวที่ว่าหมายถึงใครกันแน่ ส่วนมากจะบอกว่าเป็นเทพีแอสเตรีย (Astraea) เทพีแพ่งความยุติธรรม หรือดีมิเตอร์(Demeter) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ หรือบางทีก็เป็นเพอร์ซิโฟเน่ (Persephone) ธิดาของดีมิเตอร์และซีอุส ด้วยว่าเพอร์ซิโฟเน่ ถูกฮาเดสลักพาตัวไปต้องอยู่ในแดนแห่งความตาย 4 เดือน และใน 4 เดือนนั้นเราจะไม่เห็นหมู่ดาวราศีกันย์ด้วย (ของดีมิเตอร์และเพอร์ซิโฟเน่คงไม่ต้องเล่าเพราะคิดว่ารู้จักกันดีอยู่แล้ว) 

        แต่มาดูเรื่องของแอสเตรียกันดีกว่า 

       เมื่อครั้งสมัยที่มนุษย์เพิ่งเกิดขึ้นซึ่งเรียกกันว่า ยุคทอง ทั้งปีเปรียบเสมือนกับฤดูใบไม้ผลิ มนุษย์ก็อยู่กันอย่างสุขสบายแทบไม่ต้องทำมาหากินอะไรเลย เหล่าเทพก็เลยลงมาอาศัยอยู่บนพื้นโลกกับมนุษย์ด้วยเช่นเดียวกัน แต่หลังจากผ่านยุคทองเข้าสู่ยุคเงินนั้นมนุษย์ก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงกัน เหล่าเทพก็เกิดความเบื่อหน่ายจึงค่อย ๆ จากไปพำนักอยู่บนสวรรค์ทีละองค์สององค์ จนเหลือแต่เพียงเทพีแอสเตรีย ซึ่งเธอก็พยายามอดทนคอยตักเตือนมนุษย์ให้อยู่ในความดีตลอดมา แต่ก็ไม่มีผลอันใดมนุษย์กลับยิ่งเลวร้ายลง จนสุดท้ายเทพีแอสเตรียหมดความอดทนเธอก็จากพื้นโลกกลับสู่สรวงสวรรค์